ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ กล่าวว่า ผู้ได้ชื่อว่า ''ทำกับข้าวเป็น'' จะต้องมาจากการฝึกทำบ่อยๆ รู้จักปรับรสชาติที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้กลมกล่อมตามสูตรดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ปลายจวักยังอยู่ที่การคาดคะเนเป็น เพราะพริก หอม กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นั้นก็มีขนาดเล็ก-ใหญ่ ไม่เท่ากัน กับข้าวในวังก็เหมือนกับที่กินกันทั่วไป แต่อร่อยที่การปรุงรส อาหารทุกอย่างมีขั้นตอนที่คนปรุงต้องเรียนรู้และฝึกฝน





M.L. Nueang Nilrat is a person who defines the term "good cooking" or in other words is "a person who really knows how to cook" this consists of practicing often and learning how to add flavours according to traditional recipes. Moreover, the charm of cooking is being able to estimate the various sizes of ingredients, such as chillies to onion and garlic that gives different degrees of taste. Royal cuisine does not distinguish itself from general Thai cuisine but for the differences in the amounts of ingredients added this gives Royal cuisine its distinct flavours. All the kinds of food that we cook have their own unique methods that depend on the cooks know how.



Saturday, December 7, 2013

ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา 5 ธันวาคม 2556

พระบรมฉายาลักษณ์องค์นี้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในบ้านของข้าพเจ้ามานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนเอามาให้ เป็นภาพที่พระองค์ยกพระหัตถ์ แย้มสรวลน้อยๆ อันทำให้พระพักตร์งามอ่อนโยน
สำหรับความประทับใจในองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่มีแต่เดี๋ยวนี้ ทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า จงรักภักดีมาตั้งแต่พระองค์ท่านยังทรงพระเยาว์ 
วันหนึ่งในวังสวนสุนันทา มีข่าวกระจายออกมาว่า พระองค์ชายทั้งสองพระองค์ จะเสด็จมาเฝ้าพระวิมาดาเธอฯ มีพระพี่เลี้ยง คือ แม่อู๊ด ติดตามมาด้วย
แม่อู๊ดกับข้าพเจ้าชอบพอกันอยู่ ตั้งแต่แม่อู๊ดยังไม่ไปอยู่วังสระปทุมกับสมเด็จพระบรมราชชนนี
เมื่อก่อนแกเอาหวีรูปแบบต่างๆ ที่ทำด้วยกระมาขายในวังสวนสุนันทา ข้าพเจ้าและพวกข้าหลวงคนอื่นๆ ก็ช่วยซื้อของแกทุกครั้ง
แม่อู๊ดกินหมากตลอดเวลา แกไปไหนไม่ยักหอบหมากไปด้วย ข้าพเจ้าต้องหาหมากพลูของท่านย่าไปให้แก แกก็เลยชอบข้าพเจ้ามากกว่าใครๆ
รถพระที่นั่งวิ่งเข้ามาในสวนสุนันทา วิ่งไปจอดที่เรือนท่านย่า (หม่อมเจ้าหญิงสะบาย นิลรัตน์) แทนที่จะไปจอดหน้าพระตำหนัก
ข้าพเจ้า หม่อมราชวงศ์ศรีคำ ทองแถม และหม่อมราชวงศ์สินธุ์ สิงหรา แอบอยู่โคนต้นมะไฟ เมื่อพระองค์ชายทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากรถ พวกเราจ้องมองตาไม่กระพริบ มีสองตาไม่พอดู อยากมีสักสี่ตา
ทั้งสองพระองค์ทรงหมวกแขกกลมๆ มีพู่ห้อย ที่ขายในงานภูเขาทอง ข้าพเจ้ารู้จากแม่อู๊ดว่า เสด็จไปงานภูเขาทองก่อนเสด็จมาที่วังสวนสุนันทา
ทั้งพระองค์พี่และพระองค์น้องผิวพรรณขาวสะอาด รูปร่างงดงาม พระพักตร์ทั้งสองพระองค์งดงามมาก แต่พระองค์พี่งามกว่าพระองค์น้อง เป็นชายงามทั้งคู่ ถ้าจะเปรียบก็ดุจอุณากรรณกับปันหยี
พระหัตถ์ถือไม้ที่เหลาเป็นรูปดาบ พอเสด็จลงจากรถก็ทรงเล่นฟันดาบกัน แม่อู๊ดดุก็ไม่ฟัง วิ่งมั่งเดินมั่งไปตามถนนที่ไปสู่พระตำหนัก แม่อู๊ดก็ต้องวิ่งมั่งเดินมั่งตามเสด็จไป
พวกเราอยากดูให้เต็มตา ก็วิ่งตามไปห่างๆ แม่อู๊ดบอกพวกเราว่า อย่าวิ่งถึงหน้าพระตำหนักนะ เดี๋ยวพระวิมาดาเธอฯ จะทอดพระเนตรเห็น เมื่อถึงหน้าพระตำหนัก ทั้งสองพระองค์ก็หยุดฟันดาบ แล้วทรงพระดำเนินเข้าไปในพระตำหนัก
ตอนนี้พวกเราแอบอยู่ซอกอัฒจันทร์ (บันได) ก็ได้เห็นใกล้มาก พระพักตร์พระองค์พี่งามที่สุด งามจริงๆ ดูไม่เบื่อ
พระพักตร์พระองค์น้องนิ่งขรึม ไม่ค่อยแย้มพระสรวล เมื่อเสด็จขึ้นบนพระตำหนักไป พวกเราจึงพากันกลับ นึกจะคอยแอบดูขากลับอีก
พระวิมาดาเธอฯ รับสั่งให้ถอยรถพระที่นั่งจอดอยู่หน้าเรือนท่านย่า ให้มาจอดที่หน้าอัฒจันทร์พระตำหนัก เสด็จกลับจะได้ไม่ต้องทรงพระดำเนินไกล
พวกเราเลยไม่ได้ดูพระองค์ชายทั้งสองพระองค์ตอนเสด็จกลับ พระองค์น้อง พอเสด็จขึ้นเป็นพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำความดี ช่วยเหลือราษฎรตลอดมา ประชาชนรักใคร่และจงรักภักดีเป็นอันมาก
บัดนี้ได้ข่าวว่าทรงพระประชวร รู้สึกไม่สบายใจกันทั้งบ้าน เปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งวันเพื่อคอยฟังแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง ฟังมาทุกวัน ก็ค่อยๆ โล่งใจขึ้นทุกวัน เพราะพระอาการดีขึ้นตามลำดับ ก่อนเข้านอนข้าพเจ้าสวดมนต์ทุกคืน
อธิษฐานให้ทรงหายประชวร ให้เทพยดาอารักษ์ช่วยปกปักรักษาให้ทรงหายวันหายคืน มาเป็นมิ่งขวัญของคนไทยตลอดกาลนานเทอญ

นิตยสารพลอยแกมเพชร ปีที่ 16 ฉบับที่ 381 (15 ธันวาคม 2550)