ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ กล่าวว่า ผู้ได้ชื่อว่า ''ทำกับข้าวเป็น'' จะต้องมาจากการฝึกทำบ่อยๆ รู้จักปรับรสชาติที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้กลมกล่อมตามสูตรดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ปลายจวักยังอยู่ที่การคาดคะเนเป็น เพราะพริก หอม กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นั้นก็มีขนาดเล็ก-ใหญ่ ไม่เท่ากัน กับข้าวในวังก็เหมือนกับที่กินกันทั่วไป แต่อร่อยที่การปรุงรส อาหารทุกอย่างมีขั้นตอนที่คนปรุงต้องเรียนรู้และฝึกฝน





M.L. Nueang Nilrat is a person who defines the term "good cooking" or in other words is "a person who really knows how to cook" this consists of practicing often and learning how to add flavours according to traditional recipes. Moreover, the charm of cooking is being able to estimate the various sizes of ingredients, such as chillies to onion and garlic that gives different degrees of taste. Royal cuisine does not distinguish itself from general Thai cuisine but for the differences in the amounts of ingredients added this gives Royal cuisine its distinct flavours. All the kinds of food that we cook have their own unique methods that depend on the cooks know how.



Saturday, July 2, 2011

งานเขียนชิ้นแรก ๑๑

ม.ล. เนื่อง นิลรัตน์

 
คุณหญิง รามบัณฑิตสิทธิเศรณี กับน้องสาว


          ความเปลี่ยนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา หม่อมเจ้าสุธารส สิงหรา พระบิดา ม.ร.ว. วงศ์สินธุ์ สิงหรา สิ้นพระชนม์ชีพ หม่อมเล็กมารดาได้มาทูลขอลาเอาคุณวงศ์สินธุ์ออกไปอยู่ด้วย แต่นั้นมาเรือนท่านย่าเคยมีวัว ๓ ตัว ด้วยปีฉลูเหมือนกันหมด ก็จะเหลือแต่วัว ๒ ตัว ดูจะเงียบเหงาไปมาก เรื่องซุกซนหัวไม้ค่อยคลายลงบ้าง
          การสอบไล่ชั้นมัธยมปีที่ ๖ ก็ผ่านไปแล้ว โดยไปสมัครสอบข้อสอบกระทรวงกับโรงเรียนสายปัญญา ผลการสอบไล่ หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี ม.ร.ว. ฟูผล กับ ม.ร.ว. วัฒนพันธ์ สอบได้คะแนนเยี่ยม ม.ร.ว. อาไทย กับข้าพเจ้า และคุณๆ อื่นอีกหลายคนได้รองๆ ลงมา ที่สอบตกหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น ซึ่งจำชื่อไม่ได้ การเรียนในวังก็ยุติลงแค่นี้ ไม่ต้องไปเรียนหนังสืออีกแล้วเรียกว่าเป็นสาวแล้ว ต้องผลัดเครื่องแต่งกายประจำวันจากนุ่งผ้าซิ่นไหม มาเป็นนุ่งผ้าโจงกระเบนทุกคนแบบผู้ใหญ่ แต่ไม่ต้องกินหมาก ตอนนี้ก็ขาดเพื่อนไปอีกหนึ่งคน แม่ฉวีใหญ่ได้ทูลลาไปอยู่บ้านกับบิดา มารดา เพื่อเตรียมตัวสมรสกับร้อยตรีสฤษดิ์ ธนะรัชต์  คุณหญิงศรีคำโตขึ้นเป็นสาวสวยคมคายน่ารัก ก็มีท่านป้า คือหม่อมเจ้าหญิงเครือมาสวิมล มาทูลลารับไปเที่ยวเตร่ดูหนังโรงพัฒนากร (เป็นโรงหนังที่หรูหราในยุคนั้น) กลับเข้าวังมาก็มาคุยฟุ้งเรื่องหนัง ข้าพเจ้ามีความดิ้นรนที่อยากจะได้เห็นโรงหนังพัฒนากรมั่ง ด้วยความสงสาร คุณหญิงเยี่ยมรามบัณฑิตสิทธิเศรณี จึงทูลขออนุญาตจากท่านย่ามารับข้าพเจ้าไปค้างบ้านแล้วพาไปดูหนังโรงพัฒนากร ข้าพเจ้าเรียกว่า พี่เยี่ยม ด้วยเป็นข้าหลวงรุ่นใหญ่และอยู่ในความปกครองของท่านย่า หม่อมเจ้าหญิงเครือมาสวิมล มารับคุณหญิงศรีคำไปค้างยังวังของท่านแทบทุกอาทิตย์ และต่อมาก็ได้ขอประทานตัวไปทำการสมรส ที่เป็นพิธีถูกต้องอย่างสมเกียรติ
          คุณหญิงศรีคำกับข้าพเจ้ารักเห็นอกเห็นใจกันมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาว มิใช่รักกันเพราะเราเป็นญาติกัน เรามีความผูกพันกันทางใจมาเป็นเวลาอันนานแสนนาน บัดนี้เราจะต้องมาจากกันอีกแล้ว เรือนท่านย่าจะเหลือแต่วัวตัวเดียว ท่านย่าทรงกรรแสงทุกคืนตอนข้าพเจ้าเหยียบถวาย มีพี่บรรจงกับพี่สอนเห็นอกเห็นใจท่าน มักจะมาคุยและปลอบใจท่านอยู่บ่อยๆ พิธีสมรสคุณหญิงเจ้านายทรงเห็นดีเห็นงามได้ประทานเครื่องเพชรในวันทำพิธีสมรส ทุกชิ้นเป็นพลอยสีม่วงแก่ล้อมเพชรรอบ เช่น จี้ห้อยคอ ต่างหู กำไล แหวน ครบชุดให้เป็นของรับไหว้เลย ส่วนท่านย่ารับไหว้เป็นแหวนทับทิมพม่าหลังเบี้ยเม็ดโต มีเพชรลูกเม็ดเขื่องฝังข้างละ ๑ เม็ด ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะให้นอกจากน้ำตา
          เปลี่ยนการปกครอง บ้านเหลืองเมืองแตก ตอนนี้พระวิมาดา สิ้นพระชนม์แล้ว เหลือแต่สมเด็จหญิงพระองค์น้อยก็จะเสด็จหนีการเมืองไปประทับประเทศชวา ต้องมีการคัดตัวข้าหลวง ใครเป็นคนโปรดก็ได้ติดตามเสด็จไป นอกนั้นโปรดให้กลับคืนออกไปอยู่กับพ่อ-แม่ ซึ่งบางคนก็ดีใจมากเหมือนนกได้ถูกปล่อยออกจากกรง แต่บางคนติดใจกรงนกไม่อยากไปก็ร้องไห้ปรับทุกข์กัน คุณป้าเฉลยมารดาพี่บรรจงได้นำข้าพเจ้าไปฝากเป็นครูสอนหนังสืออยู่โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา ได้รับเงินเดือนๆ ละ ๑๒ บาท เป็นที่ตกใจมาก เมื่อฟังเงินเดือนตั้ง ๑๒ บาท ไม่รู้จะใช้ยังไงไหว เคยใช้เดือนละหนึ่งบาทจากท่านย่าแล้วข้าพเจ้าก็ถูกส่งตัวมาอยู่กับพ่อ-แม่ คนที่เหลือนอกนั้นทั้งหมดไม่ว่าพระองค์เจ้าหรือหม่อมเจ้า คนธรรมดา ก็ต้องย้ายออกจากวังสุนันทาไปปลูกเรือนให้อยู่ใหม่ในที่ดินซึ่งเรียกว่า โรงเลี้ยงเด็ก เป็นที่เก่าแก่ของพระวิมาดาเธอ โดยทิ้งวังสุนันทากันเลย บัดนี้ วังสุนันทา ก็ได้กลายเป็นสถานศึกษาใหญ่โต คือ วิทยาลัยครูสวนสุนันทา
          ข้าพเจ้าออกมาอยู่นอกวังแล้ว ก็ได้ไปมาหาสู่คุณหญิงศรีคำเรื่อยมาตลอด วันหนึ่งคุณหญิงซื้อของกินจากบางลำภู มาทานรวมกับข้าพเจ้าที่โรงเรียน ข้าพเจ้าบอกกับคุณหญิงว่า ข้าพเจ้าจะแต่งงานเร็วๆ นี้นะ คุณหญิงถามว่า พระเอกหล่อไหม ข้าพเจ้าว่า เป็นชายนิสสัยดี มีปริญญาตรี ขณะนี้รับราชการเป็นหลักฐาน คุณหญิงว่า ดีซี ข้าพเจ้านึกสนุกคิดว่า ครั้งนี้ต้องมีการโกหกกันให้สนุกซักทีเหอะ เลยตอบไปว่า ก็ไม่ดีนัก ยังมีข้อเสียที่ต้องกลุ้มใจ คุณหญิงว่า เสียอะไรล่ะ ข้าพเจ้าว่า เขาหัวโกร๋น หัวโกร๋นก็ใส่วิกได้นี่ คุณหญิงว่า ข้าพเจ้าเลยบอก ไม่เท่านั้นนะซี ยังแถมตาถั่วไป ๑ ข้าง คุณหญิงชักหน้าเสีย มองข้าพเจ้าแล้วว่า ตาถั่วก็ใส่แว่น ไม่มีเงินซื้อ จะซื้อให้ ข้าพเจ้าหัวเราะ "ยังมีอีก อันนี้ขายหน้ามากแล้วแก้ยากด้วย คือเขาเดินขาเป๋ เวลาเดินน่าเกลียดมาก ขณะนั้นเราพึ่งทานอาหารคาวเสร็จ ยังไม่ได้ทานของหวานและผลไม้ที่คุณหญิงซื้อมา คุณหญิงรีบเก็บขนมและผลไม้กลับคืนใส่ถุงไม่เหลือไว้ให้ข้าพเจ้าเลย ลุกขึ้นสวมรองเท้า หิ้วกระเป๋ากลับไป แล้วยังหันหน้ามาว่าข้าพเจ้าอีกว่า จะมีผัวซักที หาดีไม่ได้ก็อย่าไปมีมันเสียเลยดีกว่า ว่าแล้วรีบเดินหนีไปโดยเร็ว ข้าพเจ้าลุกวิ่งตามไปตะโกนให้กลับมาก่อน โกหกให้น่ะ เขาเดินอ้าวไปเลยไม่ทราบว่าในใจเขาคิดยังไง

No comments: