ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ กล่าวว่า ผู้ได้ชื่อว่า ''ทำกับข้าวเป็น'' จะต้องมาจากการฝึกทำบ่อยๆ รู้จักปรับรสชาติที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้กลมกล่อมตามสูตรดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ปลายจวักยังอยู่ที่การคาดคะเนเป็น เพราะพริก หอม กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นั้นก็มีขนาดเล็ก-ใหญ่ ไม่เท่ากัน กับข้าวในวังก็เหมือนกับที่กินกันทั่วไป แต่อร่อยที่การปรุงรส อาหารทุกอย่างมีขั้นตอนที่คนปรุงต้องเรียนรู้และฝึกฝน





M.L. Nueang Nilrat is a person who defines the term "good cooking" or in other words is "a person who really knows how to cook" this consists of practicing often and learning how to add flavours according to traditional recipes. Moreover, the charm of cooking is being able to estimate the various sizes of ingredients, such as chillies to onion and garlic that gives different degrees of taste. Royal cuisine does not distinguish itself from general Thai cuisine but for the differences in the amounts of ingredients added this gives Royal cuisine its distinct flavours. All the kinds of food that we cook have their own unique methods that depend on the cooks know how.



Monday, May 2, 2011

งานเขียนชิ้นแรก ๑

         คุณย่า (ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์) เริ่มงานเขียนหนังสือเมื่ออายุ ๗๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๒๘) โดยเริ่มจากการเขียนบันทึกความทรงจำ เรื่อง ชีวิตที่อยู่ร่วมกันในวังสวนสุนันทา ตำหนักพระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฏ ในหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงศรีคำ (ม.ร.ว.ศรีคำ ทองแถม) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาก มีผู้ติดต่อขอหนังสือจากเจ้าภาพมากมาย
          คุณย่าหวงหนังสือที่ระลึกฯ เล่มนี้มาก ห่อเก็บอย่างดี เขียนบนกระดาษห่อไว้ว่า มีอยู่เล่มเดียว หวงมาก
          ติดตามอ่าน ความช่างจำ ช่างเล่า ช่างมีมุขตลกขบขัน ของคุณย่าได้ที่นี่ ทั้งหมดมี ๑๖ หน้า จะค่อยๆ โพสท์ทีละหน้านะคะ คนพิมพ์พิมพ์ช้าน่ะค่ะ
- ๑ - 

          คุณหญิงศรีคำจากไปแล้วด้วยอาการอันสงบ เหลือแต่ความเศร้าโศกเสียใจ เสียดายไว้ให้แก่บุตร-ธิดา-ญาติมิตรทั่วหน้ากัน
          ด้วยคุณงามความดีที่คุณหญิงศรีคำได้ประกอบไว้ชั่วชีวิต เช่น การเป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี และการบำรุงพระศาสนาตามวัดวาอารามต่างๆ จากเงินร้อยไปหาพัน-จากพันไปหาหมื่น หลายครั้งหลายคราว เมตตาต่อคนยากจน บริจาคทานอยู่เป็นนิจสิน เพื่อนฝูงตกทุกข์ได้ยากบากหน้าเข้ามาก็ช่วยเหลือตามสติกำลังไม่ละเว้น คุณงามความดีของคุณหญิงศรีคำที่หมั่นประกอบไว้ จะเป็นพาหนะนำไปสู่สุขคติภพอย่างไม่มีปัญหา
          ตามที่พระศาสดาทรงสอนไว้ อยากมีความสุข หรืออยากมีความทุกข์ต้องทำเอาเองไม่ต้องไปรอขอพรจากใคร
          ในการที่จะประชุมเพลิงศพคุณหญิง เจ้าภาพ คุณโอฬาร ไกรฤกษ์ ได้ขอให้ข้าพเจ้า (ม.ล. เนื่อง นิลรัตน์) เขียนคำไว้อาลัยเพื่อนำลงพิมพ์หนังสือแจกแก่ผู้มีเกียรติที่มาในงานประชุมเพลิง ทั้งคุณโอฬาร ยังได้แนะหัวข้อเรื่องขอให้ข้าพเจ้าเขียน ชีวิตในวังที่ได้อยู่ร่วมกันมากับคุณหญิงศรีคำเป็นเวลาเกือบ ๑๕ ปี การที่จะเขียนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในวังที่เก่าแก่เช่นนี้ ก็ไม่มีการเขียนกันบ่อยนักในหนังสือแจกงาน ข้าพเจ้าก็เห็นดีด้วย รับจะเขียนด้วยความยินดี แต่มาหนักใจที่ข้าพเจ้าเป็นคนแก่หงำเหงือก ทั้งอายุก็ย่างเข้า ๗๒ ปีแล้ว จะเอาปัญญาอะไรมาเขียนให้น่าฟัง ทั้งไม่เคยเป็นนักประพันธ์นักเขียนใดๆ มาก่อน จะขึ้นต้นลงเอยกันยังไงในงานที่ไม่คุ้นเคยทำ
          จึงขอกราบท่านผู้รับหนังสือแจกไปอ่าน โปรดอย่าคิดว่าเป็นบทประพันธ์ ด้วยไม่มีถ้อยคำสำนวนใดให้ติดใจใฝ่ฝัน ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังถึงชีวิตหลายๆ ชีวิตที่อยู่ร่วมกันในวังสุนันทา ตำหนักพระวิมาดา กรมพระสุทธาสินีนาฏ ข้าพเจ้าก็จำได้มั่ง ลืมไปมั่ง จะขอเล่าแต่เรื่องเฉพาะที่มีคุณหญิงศรีคำเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น และชีวิตความเป็นอยู่ในวังที่ไม่เหมือนกับใครและไม่มีใครเหมือน
          ก่อนเล่าเรื่องอื่นๆ ต้องพูดถึงที่อยู่อาศัยก่อน เราอยู่เรือนไม้ ๒ ชั้น อันเรียกว่า เรือนท่านหญิงสะบาย (หม่อมเจ้าหญิงสะบาย นิลรัตน์) ในวังไม่มีคำว่าบ้าน เขาเรียกกันว่าเรือน เช่น เรือนท่านโอภาษ เรือนท่านองค์ปุ๋ย เรือนคุณพระเลื่อน เรือนข้าหลวง เรือนคนโน้น เรือนคนนี้ ปลูกอยู่ห่างกันพอสมควร
          ข้าพเจ้าอยู่กับท่านย่าสะบาย ตั้งแต่อายุข้าพเจ้าได้ ๑ ขวบ จนโตประมาณ ๕-๖ ขวบ จำได้ว่า วันหนึ่งมีเด็กผู้หญิงตัวดำๆ เนื้อเกลี้ยงละเอียด ผมหยิก เข้ามาอยู่ที่เรือนท่านย่าสะบายอีก ๑ คน ...

No comments: