ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์
ม.ร.ว.ศรีคำ ทองแถม
ปีนี้ท่านย่ามีชันษาครบ ๖๐ ปี ก็มีการไปเลี้ยงพระที่วัดราชาและรับบวชเณรเป็นพระ ๑ องค์ ชื่อ มหาเวียง ครั้นกลับจากวัดก็ชวนคุณหญิงและข้าพเจ้าพร้อมด้วยองค์ท่านเองเป็น ๓ คน ขึ้นเฝ้าพระวิมาดาและสมเด็จหญิงพระองค์น้อย ถวายเครื่องเสวยทั้งคาวหวานและผลไม้ คุณหญิงศรีคำเชิญผลไม้ ข้าพเจ้าเชิญเครื่องหวาน ส่วนเครื่องคาวแม่แดงอ่าง (แกพูดติดอ่าง) เป็นผู้เชิญไป ด้วยแกมีหน้าที่เป็นคนเชิญเครื่องประจำวันอยู่แล้วกับนางสาวตะล่อม ส่วนพานทองใส่ดอกไม้ธูปเทียนแพท่านย่าเชิญไปเอง พิธีนี้เป็นพิธีจะถวายตัวข้าพเจ้าเป็นข้าหลวงสมเด็จหญิงพระองค์น้อย พอนั่งกราบกรานเสร็จ ท่านย่าก็ทูลถึงความประสงค์ที่จะถวายตัวข้าพเจ้า แล้วให้ข้าพเจ้าคลาน ๒ เข่า เชิญพานทองไปวางตรงพระพักตร์ ให้เปิดกรวยกระทงดอกไม้ออก ข้าพเจ้าก็ทำเสียขายหน้าเชียว พอดึงกรวยใบตองออกโดยไม่เอามือจับตัวกระทงไว้ กระทงติดกรวยไปกลิ้งหกคะเมน ดอกไม้จัดไว้งามๆ หกเกลื่อน ตกใจรีบกอบใส่กระทงอย่างเดิม คุณหญิงขบขันหัวร่อคิ๊กๆ สมเด็จหญิงทรงหันมาพระเนตรเขียวเลยหยุดหัวร่อไป ท่านย่ากราบทูลว่า “หม่อมฉันนำเด็กเนื่องหลานสาวขึ้นมาถวายตัว ขึ้นบัญชีเป็นข้าหลวง แต่ขณะนี้หม่อมฉันก็มีอายุถึง ๖๐ แล้ว อยากจะขอประทานเอาไว้ใช้สอย ก่อนให้ปรนนิบัติ เมื่อหม่อมฉันตายลง จึงให้ขึ้นมารับใช้ราชการบนตำหนักเหมือนคุณศรีคำ สมเด็จหญิงรับสั่งว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เป็นไรจะเลี้ยงให้ แต่เวลามีงานบนตำหนัก เช่น งานปักสดึง ทำดอกไม้ หรืองานอื่นใดที่ต้องการคนทำมากๆ ก็ให้ขึ้นมาฝึกทำจะได้ทำได้” แล้วก็ประทานเหรียญพระนามทองคำลงยาสีแดงมีอักษรไขว้ว่า “น.น.” มาจากคำว่า “นิภานพดล” ซึ่งข้าหลวงสมเด็จหญิงพระองค์น้อยจะต้องห้อยคอทุกคนไป เพื่อให้รู้ว่าข้าหลวงใคร (ในวังใช้ห้อยคอพระนามย่ออย่างนี้ ทุกๆ ตำหนัก) เมื่อได้ประทานแล้วข้าพเจ้ากำไว้แน่นด้วยความปิติตื้นตันใจ รับสั่งว่า “ทำไมไม่ห้อยคอ ห้อยเสียเดี๋ยวนี้เลย” จึงแข็งใจรวบรวมความกล้ากราบทูลว่า “สร้อยคอไม่มี” ท่านย่าคงนึกอายที่ไม่มีสร้อยคอให้หลาน รีบกราบทูลความจริงว่า ชอบโดดน้ำ หายไป ๒ เส้นแล้ว พอดีพระวิมาดาเสด็จมาได้ยินเข้า รับสั่งให้ไปเบิกสร้อยคอทองคำและเหรียญทองคำอักษรไขว้ “ส.ส.” มาประทานอีก ๑ ชุด แล้วรับสั่งสัพยอกท่านย่าว่า “เอาไว้ให้มันใส่โดดน้ำหายอีก แต่ของหลวงหายต้องทำใช้นะ ไม่ใช่หายแล้วแล้วกัน ท่านโอภาษนำของมาถวาย ข้าพเจ้าก้มกราบด้วยความดีใจ วันนี้ได้สร้อย ๑ เส้น เหรียญ ๒ อัน โชคดีกระไร คุณหญิงสะกิดข้าพเจ้ากระซิบว่า “อย่าเผลอหัวเราะเป็นม้าออกมานะ” ข้าพเจ้าเลยหยิกเขาไปครั้งหนึ่ง
แล้วพระวิมาดาหันมารับสั่งกับท่านย่าว่า “เจ้าครอกหญิงสะบาย เธอก็อยู่กับฉันด้วยความขยันซื่อสัตย์มาเป็นเวลานาน วันนี้เธออายุ ๖๐ ปี ฉันก็มีของขวัญที่จะให้รางวัลแก่เธอ (คำว่า เจ้าครอกนี้เป็นคำยกย่องสูงกว่าคำว่า ท่านหญิงสะบาย) รับสั่งแล้วก็ทรงถอดพระธำมรงค์ก้อย เพชรหนัก ๑ กะรัต น้ำงามมาก ฝังอยู่ในเรือนทองคำขาว แหวนก้านแบบมีอักษรจารึกอยู่ที่ด้านในของก้านว่า “ส.ส.” ท่านย่ากราบพระบาทแล้วรับแหวนมาสวมก้อยต่อพระพักตร์ เป็นอันเสร็จพิธีถวายตัวของข้าพเจ้า
No comments:
Post a Comment