ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ กล่าวว่า ผู้ได้ชื่อว่า ''ทำกับข้าวเป็น'' จะต้องมาจากการฝึกทำบ่อยๆ รู้จักปรับรสชาติที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้กลมกล่อมตามสูตรดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ปลายจวักยังอยู่ที่การคาดคะเนเป็น เพราะพริก หอม กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นั้นก็มีขนาดเล็ก-ใหญ่ ไม่เท่ากัน กับข้าวในวังก็เหมือนกับที่กินกันทั่วไป แต่อร่อยที่การปรุงรส อาหารทุกอย่างมีขั้นตอนที่คนปรุงต้องเรียนรู้และฝึกฝน





M.L. Nueang Nilrat is a person who defines the term "good cooking" or in other words is "a person who really knows how to cook" this consists of practicing often and learning how to add flavours according to traditional recipes. Moreover, the charm of cooking is being able to estimate the various sizes of ingredients, such as chillies to onion and garlic that gives different degrees of taste. Royal cuisine does not distinguish itself from general Thai cuisine but for the differences in the amounts of ingredients added this gives Royal cuisine its distinct flavours. All the kinds of food that we cook have their own unique methods that depend on the cooks know how.



Saturday, May 7, 2011

งานเขียนชิ้นแรก ๒

ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์


ม.ร.ว.ศรีคำ ทองแถม

       ท่านย่าแนะนำสอนให้รู้จักรักกันและบอกว่าเป็นญาติกัน เรา ๒ คนมีท่านย่าองค์เดียวกัน ข้าพเจ้าให้นึกรักเพื่อนหรือญาติคนใหม่นี้ทันที ด้วยจะได้มีเพื่อนมาอยู่เล่นกัน และต่อมาเราก็เริ่มรังแกกัน ทะเลาะกัน ตีกันกัดกันตามแขนและหลังมือเป็นแว่นเขียวๆ บ่อยครั้งแล้วเราก็ผลัดกันถูกตีจากท่านย่าโทษที่รังแกกัน แต่เรา ๒ คนก็รักกันมาก เรานอนมุ้งเดียวกัน อยู่ห้องเดียวกันมาจนโตเป็นสาว กินข้าวสำรับเดียวกัน อาบน้ำทาขมิ้นพร้อมกันทุกเย็น ท่านย่าเป็นผู้ทาขมิ้นขัดสีเนื้อตัวให้ทุกวัน เรามักจะตีกันหยิกกันผลักกันหกล้มหกคะเมน ก็ตอนปูที่นอน-กางมุ้ง เพราะเราก็ต่างขี้เกียจคอยเกี่ยงกัน ตอนเช้าก็ต้องรีบตื่นหนีไปก่อน ด้วยผู้ตื่นภายหลังต้องเก็บมุ้งเก็บที่นอน
          ต่อมาราว ๗ ขวบ เรา ๒ คนก็ได้เริ่มไปเรียนหนังสือ ก.ไก่-ข.ไข่ ที่เรือนหม่อมพยอม ด้วยเป็นสำนักสอนหนังสือเด็กๆ ข้าหลวงทั่วทุกคน ตอนนี้ชีวิตวุ่นวาย ถ้าวันไหนเรา ๒ คนขี้เกียจไปเรียน เราก็จะชวนกันหนีไปเล่นน้ำในคลองที่ท่าน้ำคุณพระเลื่อน ถ้ามีผู้ใหญ่มาพบเห็นเอาไปฟ้องท่านย่า เรา ๒ คนก็ถูกเฆี่ยนแล้วให้อดขนม ถึงถูกทำโทษบ่อยๆ เราก็ไม่ฟัง เราก็หนีมั่ง ไปมั่งของเราจนโตเรียนจบชั้นประถม ภายหลังย้ายที่เรียนจากเรือนหม่อมพยอม มาเรียนชั้นมัธยมยังสถานที่ศึกษาใหม่ จ้าวนายทรงปลูกสร้างใหม่เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยาวขนานไปกับขอบสระน้ำใหญ่ แล้วกั้นเป็นห้องๆ มีตั้งแต่ชั้นประถมไปถึงชั้นมัธยมปีที่ ๖ ประทานชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนนิภาคาร นามนี้มาจากพระนามสมเด็จหญิงพระองค์น้อย คือ สมเด็จเจ้าฟ้า นิภานพดล กรมขุนอู่ทองเขตขัติยะนารี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระวิมาดาเธอ เป็นพระราชมารดา ในวังทุกคนกล่าวเรียกพระนามว่า สมเด็จหญิงพระองค์น้อย ได้ทรงจ้างครูผู้เชี่ยวชาญจากนอกวังเข้ามาสอนเป็นครูประจำ และมี ครูประพิศ ครูสมบูรณ์ ครูสะอาด กระทรวงธรรมการส่งมา (ก่อนเรียกกระทรวงศึกษาธิการ ว่า กระทรวงธรรมการ) ภาษาอังกฤษ จ้างแหม่มมาสอน ชื่อ มิสอาร์เชอร์ วิชาขับร้องคุณหญิงเยี่ยม รามบัณฑิตสิทธิเศรณี (นักร้องในรัชกาลที่ ๕) มาสอนอาทิตย์ละ ๒ วัน การฝีมือไม่มีการสอน ด้วยในวังฝึกทำการฝีมืออย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้วทุกชนิด เรียกว่าเราเก่งกว่าครู วิชาการครัว ให้ไปเรียนที่ห้องเครื่องคาว เรียนกับหม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา ด้วยท่านดังมากเรื่องการครัว ท่านทำได้ทั้งกับข้าวไทย จีน แขก ฝรั่ง กับข้าวเมืองชะวา ไทยภาคใต้ทำเก่งมาก เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา หาผู้ทัดเทียมยาก เป็นผู้ทำข้าวแช่มือหนึ่ง ท่านเรียนทำกับข้าวมาตั้งแต่ยังไว้จุก ความชำนาญทำกับข้าวไม่ชิมใช้ดมเอา ทำเอานักเรียนไปเรียนงงเลย ข้าพเจ้าเป็นคนเกลียดการทำครัว ก็คอยหลบหลีก หนีมั่ง ช่วยมั่ง จึงลอกวิชาท่านไว้แต่บางอย่าง

1 comment:

Anonymous said...

อ่านแล้วคิดถึงท่านย่าจัง ขอบคุณมากค่ะที่นำมาลง